ความรู้ทั่วไปของมอเตอร์


 

1. ประเภทของมอเตอร์ (Motor type) มอเตอร์เหนี่ยวนำ (Induction Motor) แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ตามลักษณะการจ่ายไฟจากแหล่งจ่าย คือ

  • มอเตอร์เหนี่ยวนำเฟสเดียว (Single Phase Motor) ไฟ 1 เฟส 220V ส่วนใหญ่เป็นไฟบ้าน
  • มอเตอร์เหนี่ยวนำสามเฟส (Three Phase Motor) ไฟ   3 เฟส 380V ส่วนใหญ่เป็นไฟโรงงาน 

 

2. แรงม้าของมอเตอร์ (horsepower) เรียกย่อๆว่า HP เป็นหน่วยวัดกำลังหรืออัตราการทำงานของมอเตอร์ โดย 1 แรงม้าเท่ากับ 745.7 วัตต์. หน่วยนี้ถูกใช้เพื่อบอกความสามารถของมอเตอร์ในการทำงานและระบุว่ามอเตอร์นั้นสามารถทำงานได้เร็วและหนักแค่ไหน. (มอเตอร์ในประเทศไทยส่วนใหญ่ 1 แรงม้า เท่ากับ 750 วัตต์) ตัวอย่าง เช่น

1 hp = 745.7 W 

เพราะฉะนั้น      10 hp = 745.7 x 10 = 7,457 W

   ค่ากำลังขาออกของมอเตอร์ที่เพลาแสดงหน่วยเป็น 2 แบบ คือ แรงม้า (Horse power หรือ HP) กิโลวัตต์ (kilowatt หรือ kW) ซึ่งสรุปได้ว่า มอเตอร์ที่มีแรงม้ามากกว่าย่อมมีกำลังการทำงานดีกว่า เช่น  3 แรงม้า มีกำลังมากกว่าและทำงานได้ดีกว่า 2 แรงม้า เป็นต้น

 

3. แรงดันไฟฟ้า (Electrical Characteristic) มีหน่วยเป็น โวลต์ (Volt หรือ V) ค่าความถี่ไฟฟ้า มีหน่วยเป็น เฮิร์ตซ์ (Hertz หรือ Hz) ในประเทศไทยใช้ที่ 50 HZ  ค่าปริมาณกระแสไฟฟ้าที่มอเตอร์ใช้ มีหน่วยเป็น แอมแปร์ (Ampere หรือ A)

 

4. ขั้ว (Pole) มอเตอร์มาตรฐานทั่วไปจะเป็นแบบ 2pole 4pole 6pole และ 8Pole ดังนั้น จำนวน pole จะมีผลต่อความเร็วรอบมอเตอร์ คือ เป็นตัวที่กำหนดความเร็วรอบ ความเร็วของมอเตอร์ หรือที่นำไปใช้งาน ซึ่งจะมีค่าไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละแบรนด์

 

5. ความเร็วรอบของมอเตอร์ (Speed) จะบอกการหมุนของรอบต่อนาที (r/min) โดยมีชื่อย่อเป็น rpm หรือด้วยสัญญาลักษณ์ min-1

 

6. ขนาดเฟรม (Frame Number) ตัวเลข คือ ความสูงจากพื้นถึงกึ่งกลางเพลา (หน่วยเป็น มม.) ตัวอักษร คือความยาว (S M L) เช่น 1.5 KW เฟรมจะอยู่ที่ 90 เป็นต้น

 

7. ชนิดของฉนวน (Insulation Class) บอกถึงความทนทานความร้อนของมอเตอร์ เช่น

คลาส B (Class B) ทนอุณหภูมิได้สูงสุดได้ประมาณ 130 องศาเซลเซียส

คลาส F (Class F) ทนอุณหภูมิได้สูงสุดได้ประมาณ 155 องศาเซลเซียส

คลาส H (Class H) ทนอุณหภูมิได้สูงสุด 180 องศาเซลเซียส

 ซึ่งมอเตอร์แต่ละตัวจะระบุระดับฉนวนบนเนมเพลต (Name plate). 

 

8.ระดับการป้องกัน ( Ingress Protection : IP ) เป็นการบอกระดับการป้องกันฝุ่นและของเหลว ซึ่งการจัดอันดับการป้องกันจะแสดงด้วยตัวเลข 2 หลัก

หลักที่ 1 หรือหลักแรก จะแสดงสามารถในการป้องการของแข็ง

หลักที่ 2 จะแสดงความสามารถในการป้องกันของเหลว เช่น IP55 ,IP42 ,IP22 เป็นต้น

 

9. ค่าประสิทธิภาพของมอเตอร์ (Efficiency) คือ อัตราส่วนระหว่างกำลังขาออก (Output Power) และกำลังไฟฟ้าขาเข้า (Input Power) หรือ IE โดยถ้า IE มากขึ้นแสดงว่าประสิทธิภาพของมอเตอร์สูงขึ้น เช่น IE3 ประสิทธิภาพดีกว่า IE2 เป็นต้น

 

10. พิกัดการทำงาน (Rating) การกำหนดลักษณะการทำงานของมอเตอร์ที่มีความสัมพันธ์กับช่วงเวล นี้จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ หน้าที่การทำงานต้องสัมพันธ์กับเวลา จึงต้องมีมาตรฐานมารองรับ เพื่อความถูกต้อง